วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ศิลปะหลังสงครามโลกครั้งที่ 1


ยุคศิลปะหลังสงครามโลกครั้งที่ 1



ศิลปะลัทธิเอ็กเพรสชันนิสม์

          หมายถึง การแสดงออกทางศิลปะที่ตัดทอนรูปทรงและสีสันอย่างเสรีที่สุดตามแรงปรารถนา
ศิลปะเอ็กเพรสชันนิสม์ที่สำคัญมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มสะพานและกลุ่มม้าสีน้ำเงิน

กลุ่มสะพาน
  • เป็นการรวมตัวของศิลปินวัยหนุ่มอายุ 20-30 ปี
  • สะท้อนความสับสน ความอัปลักษณ์ของสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และศาสนา ความสกปรกของสังคม ความเหลวแหลก โสมม หลอกลวง
  • ใช้สีที่รุนแรง
  • สลายตัว ค.ศ.1913 จากปัญหาวิกฤตสังคมและสงครามโลกครั้งที่ 1

แนวทางการสร้างสรรค์งานของกลุ่มสะพาน
  • กลุ่มสะพานสะท้อนเรื่องราวทางศาสนาด้วยความรู้สึกโหดร้าย น่าขยะแขยง น่าเกลียด แสดงความรัก กามารมณ์และความตาย เตือนให้สังคมตระหนักในความไม่แน่นอน
  • ภาพส่วนใหญ่เน้นแสดงออกทางจิตวิทยามากกว่าความจริง

กลุ่มม้าสีน้ำเงิน
  • เริ่มเคลื่อนไหว ค.ศ.1911 ที่มิวนิค
  • แกนนำคือ วาสิลี แคนดินสกี กับ ฟรอนซ์ มาร์ค
  • ศิลปินต่างชาติที่เข้าร่วม ได้แก่ ชาวรัสเซียน สวิส อเมริกัน ฯลฯ
  • ชื่อลัทธิมาจากความนิยมในการเขียนรูปม้า โดยใช้สีน้ำเงินเป็นหลัก
  • สลายตัว ค.ศ.1914

แนวทางการสร้างสรรค์งานของกลุ่มม้าสีน้ำเงิน
  • ผ่อนคลายการกระแทกความรู้สึกของผู้ชมจากความรู้สึกน่าขยะแขยง
  • ได้รับอิทธิพลของโกแกงมากกว่าแวนโก๊ะ
  • เป็นการแสดงออกทางอารมณ์แบบรุนแรงที่แฝงความสนุกสนาน
  • ใช้สี เส้นและการแสดงลีลาคล้ายดนตรี

ผลงานของ Emil Nolde

"Adam and Eve Banished from Paradise"

ศิลปินลัทธิเอ็กเพรสชันนิสม์

          เอ็ดวาร์ด มูงค์ ( Edvard Munch )
  • เป็นผู้นำและผู้ให้อิทธิพลแก่ศิลปินกลุ่มเอ็กเพรสชันนิสม์ เกิดวันที่ 12 ธันวาคม 1863 ทางภาคใต้ของนอร์เวย์
  • เป็นเด็กขี้โรค เจ็บออดๆแอดๆ
  • เรื่องราวของความเจ็บป่วย และความตาย ปรากฏอย่างมากในผลงานของเขา
  • ผลงานที่มีชื่อเสียงของมูงค์คือ ภาพเสียงร้องไห้ ( The Cry ) ซึ่งเขียนในปี ค.ศ.1893


ตัวอย่างผลงานของ เอ็ดวาร์ด

"The Scream"


ศิลปะลัทธิคิวบิสม์

          ลัทธิคิวบิสม์ได้แนวคิด และอิทธิพลการถ่ายทอดสิ่งแวดล้อมผ่านการสร้างเป็นรูปทรงที่เรียบง่าย
แทนค่ารูปทรงด้วยแสงสีอันระยิบระยับ ให้บรรยากาศตามช่วงเวลานั้นๆ
นักประวัติศาสตร์ศิลปะและนักวิจารณ์ศิลปะบางคนเรียกผลงานคิวบิสม์ระยะแรกว่า "ศิลปะแบบเซซานน์"  หรือ "Cezannesque"

แนวทางการสร้างสรรค์งานของศิลปะลัทธิคิวบิสม์
  • ตัดทอน ย่อส่วน เพิ่มเติม และตกแต่งรูปทรงของวัตถุ ถือหลักการเพิ่มส่วนประกอบ เพื่อให้ผลงานสมบูรณ์
  • คำนึงถึงรูปทรงเปิดและปิด โดยพิจารณาความสัมพันธ์ของพื้นที่ว่างในส่วนรูปทรงและพื้นผิว
  • คำนึงถึงความตื้นลึกด้วยรูปทรง ขนาด การทับซ้อนกัน การบังคับและทำให้โปร่งใสคล้ายภาพเอ็กซเรย์
  • เปิดโอกาสให้ผู้ดูมีเสรีภาพในการใช้ปัญญาพินิจพิจารณาด้วยตนเอง
  • คำนึงถึงความกลมกลืนของทัศนธาตุ ( เส้น สี แสงเงา รูปร่าง ลักษณะผิว )
  • คำนึงถึงส่วนย่อยและส่วนรวมพร้อมกัน เพื่อให้เกิดความกลมกลืน
  • นำเอาวัสดุจริงมาปะติดกัน เพื่อให้เกิดความรู้สึกสัมผัสจนเกิดเป็นวิธีการสร้างงานศิลปะที่เรียกว่า  ศิลปะตัดแปะ ( Collage) หรือ The art assemblage

ศิลปินลัทธิคิวบิสม์

          ปาโบล ปิคัสโซ ( Pablo Picasso )
  • เกิดที่สเปน ใน ค.ศ. 1881 บิดาเป็นจิตรกร
  • ศึกษาศิลปะครั้งแรกที่เมืองบาร์เซโลนาและเดินทางไปอยู่กรุงปารีส ค.ศ.1900
  • เสียชีวิต ค.ศ.1973
  • ปิคัสโซเป็นศิลปินหัวก้าวหน้า 
  • ใช้สีวรรณะเย็นดูเศร้าหมองแบบยุคม้าสีน้ำเงิน สะท้อนชีวิตที่ลำบากของเขา
  • ในปี ค.ศ.1905 ปิคัสโซพัฒนาผลงานสู่การใช้สีที่สดใสร้อนแรง
  • ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดชิ้นหนึ่งคือ ภาพเกอนีแค ( Quernica ) ค.ศ.1937 เพื่อแสดงการสนับสนุนรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐของสเปน

          จอร์จ  บราค
  • เกิดที่เมืองเลออาร์ฟ  ใกล้กรุงปารีส
  • ในวงการศิลปะร่วมสมัย  บราคเป็นศิลปินสำคัญของลัทธิคิวบิสม์เท่าเทียมปิคัสโซ
  • เสียชีวิตเมื่อปี ค.ศ.1963
  • ผลงานชิ้นสำคัญ  อาทิ  บ้านที่เลสตัค  อยู่ที่พิพิธภัณฑ์กรุงเบอร์น  โต๊ะนักดนตรี  แท่นสีดำและรูปปั้นหัวม้า  อยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่กรุงปารีส


ตัวอย่างผลงานของ จอร์จ

Abstractionism


ศิลปะลัทธินามธรรม

          ให้ความสำคัญเรื่องรูปแบบศิลปะหรือปรากฏการณ์ อันเกิดจากการผสานรวมตัวกันของทัศนธาตุ ( เส้น สี แสงเงา รูปร่าง ลักษณะผิว )
ไม่คำนึงถึงเนื้อหาศิลปะ ศิลปะนามธรรมจำแนกออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ ศิลปะนามธรรมแบบโรแมนติก  และ ศิลปะนามธรรมแบบคลาสสิค

ศิลปะนามธรรมแบบโรแมนติก
  • สร้างงานที่แสดงอารมณ์ความรู้สึกอย่างเสรี
  • ศิลปินอาจมีพื้นฐานทางอารมณ์มาจากความรัก  ความเศร้า  ความห้าวหาญ  ฯลฯ  แล้วแสดงออกทันที

ศิลปะนามธรรมแบบคลาสสิค
  • สร้างงานที่ผ่านการคิดไตร่ตรอง  การวางแผนอย่างมีระบบ  มีกฎเกณฑ์
  • ใช้รูปทรงเรขาคณิตควบคุม  ศิลปินกลุ่มนี้มี  มงเดรียน ( Mondrian ) เป็นผู้นำ
  • ให้อิทธิพลต่อ Abstract แบบขอบคม ( Op Art ) ในอเมริกา

ศิลปินลัทธินามธรรม

          แจคสัน  พอลลอค ( Jackson Pollock )
  • ได้รับฉายาว่าเป็น จิตรกรแบบ Action Painting
  • สร้างงานจิตรกรรมโดยการสาด สลัด ราดหรือเหวี่ยง ลงบนพื้นเฟรมด้วยลีลาท่าทางที่ว่องไว


ตัวอย่างผลงานของ แจคสัน

"She Wolf"
"Shimmer"


ศิลปะลัทธิฟิวเจอริสม์

          ศิลปินอิตาลี มีความเห็นขัดแย้งกับแนวทางศิลปะเชิงขนบนิยมในประเทศของตนอย่างรุนแรง  เริ่มต้นเคลื่อนไหวปี ค.ศ.1909
คำประกาศที่รุนแรงทางศิลปะได้แก่ Burn the Museum , Drain the Canal of Vanice , Let's Kill the Moonlight

แนวทางการสร้างสรรค์ผลงานของลัทธิฟิวเจอริสม์

  • มุ่งแสดงความรู้ เคลื่อนไหวจากบริบทของสังคมยุคเครื่องจักรกล
  • ต้องการแสดงออกถึงลักษณะของสังคมยุคใหม่
  • เห็นความงามของเครื่องจักรที่รวดเร็วและมีพลัง
  • ศิลปินมักจะใช้เนื้อหาของงานที่เกี่ยวกับความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน บุคคล สัตว์ หรือวัตถุที่มีการเคลื่อนไหว เช่น วงล้อรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และแสงสี

ศิลปินลัทธิฟิวเจอริสม์

           บอคโซนี ( Boccioni )
  • เป็นจิตรกรและประติมากร  เกิดที่เมืองเรคจิโอ  แคว้นคาลาเบรีย  อิตาลี
  • ผลงานที่สำคัญคือ  ภาพเมืองเติบโต


ตัวอย่างผลงานของ บอคโซนี

"The City Rises"
                 จิอาโคโม บอลลา ( Chiacomo  Balla )
  • จิตรกรชาวอิตาเลียนคนสำคัญ  เกิดเมื่อปี ค.ศ.1871  และเสียชีวิตในกรุงโรม  ค.ศ.1958
  • มีคุณูปการต่อศิลปะลัทธิฟิวเจอริสม์มาก
  • มีบทบาทสร้างสรรค์งานแบบฟิวเจอริสม์มากและยาวนานที่สุด  ตั้งแต่ ค.ศ.1920
  • เป็นครูของบอคโซนีและเซเวรินี


ตัวอย่างผลงานของจิอาโคโม

"Into the Future"






เว็ปไซต์อ้างอิง

  • http://www.designer.co.th/artistic-movement/impressionism.html
  • http://203.158.253.5/wbi/Education/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%20(Aesthetics)/unt4/west%20art%20modrn/60imprssnsm.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น