วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์


ประเทศสวิตเซอร์แลนด์


ธงประจำชาติ

ชื่อทางการ : สมาพันธรัฐสวิส



ที่ตั้ง : สมาพันธรัฐสวิสหรือสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งอยู่กลางทวีปยุโรป ล้อมรอบด้วยเทือกเขาแอลป์ เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล ทิศเหนือจรดสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ทิศตะวันออกจรดออสเตรียและลิคเตนสไตน์ ทิศใต้จรดอิตาลี ทิศตะวันตกจรดฝรั่งเศส


พื้นที่ : 41,290 ตารางกิโลเมตร เล็กกว่าประเทศไทย 12 เท่า โดยพื้นที่ 2 ใน3 ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์อยู่บนเทือกเขาแอลป์ ซึ่งทอดยาวจากทิศตะวันตก

ภูมิประเทศ : พื้นที่มากกว่า 70% เป็นเขตภูเขาคือเทือกเขาแอลป์ มีแม่น้ำสำคัญคือแม่น้ำไรน์ แม่น้ำโรน แม่น้ำทิซิโน และแม่น้ำอิน


ภาษาที่ใช้ : ภาษาเยอรมัน มีจำนวนผู้ใช้มากกว่า 60% , ภาษาฝรั่งเศส มีผู้ใช้เป็นจำนวนมากในเมืองที่ติดกับประเทศฝรั่งเศส เช่น เจนีวา , ภาษาอิตาลี มีผู้ใช้ในทางใต้ของประเทศที่ติดกับประเทศอิตาลี เช่น ลูกาโน่

ระบบการปกครอง : ประชาธิปไตยทางตรง สหพันธ์สาธารณรัฐ

เมืองหลวง : เบิร์น

เมืองสำคัญอื่นๆ : ซูริค , เจนีวา , ลูเซิร์น , เซอร์แมท , ลูกาโน่ , อินเทอร์ลาเกน , บาเซิล

สกุลเงิน : ฟรังก์สวิส (CHF) โดย 1 CHF ประมาณ 30 บาท

ประชากร : ประมาณ 7,600,000 คน


ประวัติศาสตร์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

ยุคก่อนประวัติศาสตร์

Julius Caesar

เมื่อ 10,000ปีก่อนคริตสกาล พวกกลุ่มนักล่าสัตว์และกลุ่มคนเร่ร่อน ได้ย้ายถิ่น ฐานเข้ามาอยู่อาศัย ในเขตทาง ตอนเหนือของเทือกเขา แอลป์ (Alp)ซึ่งในปัจจุบัน ก็คือพื้นที่บริเวณ Graubündenใจกลาง ประเทศสวิสเซอร์แลนด ์เป็นครั้งแรกต่อมาก็ได้มีการขยาย อาณาเขตออกไปเรื่อยๆตามพื้นที่บริเวณลุ่มทะเลสาบต่างๆ จนกระทั่งเมื่อประมาณ 400 ปีก่อนคริสตกาลชนเผ่าเซลท์ (Celt คือกลุ่มชนชาติที่พูดภาษาเซลติก) ได้เริ่มย้ายถิ่นฐานจากทางเยอรมัน ตอนใต้ เข้าไปสู่พื้นที่ลุ่ม ทะเลสาบในตอนกลาง ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพิ่ม มากขึ้น โดยทางด้านตะวันออกของ สวิตเซอร์แลนด์เป็น ที่อยู่อาศัยของพวก Raetia ส่วนทางด้าน ตะวันตก ถูกครอบครองโดยชาว Helvetii นอกจากนั้นก็ยังมีชนเผ่าอื่นๆ ที่กระจัดกระจายไปตามส่วนต่างๆ ของประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ อีกเป็นจำนวนมาก คือ ชนเผ่า Lepontier ทางแคว้น Tessin ชนเผ่า Seduner ในเขต Wallisและทะเล สาบเจนีวาต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุครุ่งเรืองของอาณาจักรโรมันในประมาณ 58 ปีก่อนคริสตกาล ชนเผ่า โรมัน ภายใต้การนำของจูเลียส ซีซาร์  (Julius Caesar) ได้เข้าโจมตี และยึดดินแดนของชนเผ่า Helvetii และดินแดนส่วนอื่นๆ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน ช่วงนี้เองที่ได้เริ่มที่การก่อสร้าง ถนน หนทางและระบบ ผังเมืองขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ขึ้นเป็นครั้งแรก เช่น ในบริเวณเมือง Basel,Chur, Geneve, Zurich ในปัจจุบันโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมือง Avenches ในช่วงปลายของยุคสมัยโรมัน ประมาณปีคริตศตวรรษที่ 4 ถึง 6 ศาสนาคริสต์ได้เผยแผ่เข้ามาในเขตประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ทำให้ได้มีการตั้งตำแหน่ง Bishop ขึ้นตามเมืองต่างๆ และเชื่อกันว่าอาณาจักรโรมันก็ล่มสลายลงในช่วงนี้เอง


ยุคของอดีตสมารัฐสวิส

ช่วงที่ถือได้ว่าเป็นช่วงของการก่อตั้งประเทศสวิตเซอร์แลด์หรือประเทศสมาพันธรัฐ สวิตเซอร์แลนด์ อย่างเป็นทางการเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ. 1291 เมื่อมณฑล 3 มณฑลในเขตเทือกเขา แอลป์ คือ Uri, Schwyz และ Unterwalden ได้รวมตัวกันขึ้นเป็น อดีตสมาพันธรัฐสวิส(Old Swiss Conferderation หรือที่เรียกเป็นภาษาเยอรมันว่า Alte Eidgenossenschaft) ซึ่งการรวมกลุ่มนี้ไม่ได้เพื่อต้องการแยกออกเป็น ประเทศ แต่เพียงเพื่อต้องการจะต่อต้านอำนาจ ของราชวงศ์ฮับส์บวร์ก ซึ่งการรวมกลุ่มครั้ง ไม่ได้รับการ ยอมรับจาก้ราชวงศ์ฮับส์บวร์ก และมีการทำสงครามกันเรื่อยมาในปี1315กลุ่มของชาวบ้านที่เป็นทหารของสวิสในสมัยนั้นก็ทำสงครามชนะ ทหารของราชวงศ์ฮับส์บวร์กในสงคราม Morgatenหลังจากนั้นเมือง Zurich, Lucerne, Glarus, Zugและ Bernก็ได้เข้าร่วมเป็นอดีต สมาพันธรัฐสวิส และได้ การเรียกชื่อ  กลุ่มการรวมตัวของมณฑล8มณฑลนี้ว่า Schwyzภายหลังจาก การรวมตัวนี้แล้วก็ยังคงมีการรวมตัว ของมณฑลต่างๆ อยู่เรื่อยๆ จนเมื่อสิ้นสุด ปี ค.ศ. 1513 ก็มีมณฑลเข้าร่วมทั้งหมด
               
ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1และครั้ง2

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้วางตัวเป็นกลางทางด้านการทหาร บทบาทสำคัญเพียงอย่างเดียวของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในสงครามโลกครั้งที่ 1ก็คือการส่งสภากาชาดเข้ามาช่วยเหลือ เมื่อสงครามโลกผ่านพ้นไปกลิ่นอายแห่งสงครามกลับ ทำให้เศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ตกต่ำลง และเริ่มฟื้นฟูขึ้นใหม่ในช่วงปพ.ศ. 2473 (ค.ศ. 1930) ยุคนี้ยังเป็นยุคแห่งการถือกำเนิด ของศิลปินชื่อดังอีกด้วยถึงแม้ว่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์จะวางตัวเป็น กลางในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2แต่สวิตเซอร์แลนด์กลับมี บทบาทสำคัญในทางด้าน เศรษฐกิจคือธนาคารของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้กลายเป็นสถานที่เพื่อใช้แลก เปลี่ยนเงินผิดกฎหมายของพวกนาซีเยอรมัน
               
ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2

ภายหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2สิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2488(ค.ศ. 1945)ได้มีการก่อตั้งองค์การสหประชาชาติที่กรุงเจนีวาประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศหลายประเทศได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การสหประชาติแต่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ แต่ประเทศเจ้าบ้านกลับไม่ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกในสมัยแรก โดยองค์การสากลแห่งแรกที่สวิส เข้าร่วมเป็นสมาชิกภายหลัง สงครามโลกครั้งที่ 2 คือองค์การ UNESCO ซึ่งเข้าร่วมในปี พ.ศ. 2491(ค.ศ. 1948)ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจเข้าร่วม เป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติเมื่อปี พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) ต่อมาในปี 2548 ประชาชนชาวสวิตเซอร์แลนด์ได้ทำการ ลงประชามติเพื่อให้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เข้าร่วมเป็นประเทศในสนธิสัญญาเช็งเก็น (Schengen Agreement)

สภาพอากาศ

อากาศในประเทศสวิตเซอร์แลนด์เปลี่ยนแปลงตามสภาพภูมิประเทศ ปริมาณหิมะสูงที่สุดของประเทศอยู่ในโรเชอรส์ เดอ เนฟ (Rochers de Nave) ซึ่งเป็นภูเขาใกล้มงเทรอซ์ ( Montreux) อยู่ที่ระดับประมาณ 260 ซม. ต่อปี โดยปกติ การสะสมของหิมะจะสูงกว่าในด้านตะวันตกของประเทศ ที่มักจะมีเมฆจากชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก นอกจากนี้ ส่วนทางใต้ของเทือกเขาแอลป์มีฝนตก ตัวอย่างเช่น ลูกาโนได้รับปริมาณน้ำฝนประมาณ 175 ซม. ต่อปี ถ้าลมพัดเมฆมาจากทางใต้ จะถูกกั้นโดยเทือกเขาแอลป์และกลายเป็นฝน โดยปกติ จะก่อให้เกิดสภาพอากาศแห้งและอบอุ่นทางด้านเหนือของเทือกเขาแอลป์ และมักจะตามมาด้วยกระแสลมแรงและทิวทัศน์ที่สวยงามมากของเทือกเขาที่ดูเหมือน จะใกล้กว่าความเป็นจริงมาก ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "Foehn" คนจำนวนมากอ้างว่าทำให้เกิดอาการปวดศีรษะในสภาพอากาศเช่นนี้ ในทางตรงข้าม หุบเขาอิงกาดิน (Engadin) ทางด้านตะวันออก และวาเล่ย์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ มีปริมาณหิมะสะสมน้อยมาก สโคล์ได้รับประมาณ 70 ซม. สตาลเดนไรด์ ประมาณ 53 ซม. 

การท่องเที่ยว

แหล่งรายได้ดั้งเดิมของสวิตเซอร์แลนด์มาจากการท่องเที่ยว ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน ชาวสวิสที่เดินทางไปต่างประเทศจะมีการใช้จ่ายเกือบเท่ารายจ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาใช้จ่ายในประเทศ อย่างไรก็ตามประเทศยังคงเกินดุล และการท่องเที่ยวเป็นอุตสากรรมส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ โดยมีการจ้างงาน 250,000 คน ต่ำกว่างานโลหะ วิศวกรรม และเภสัชกรรม

ไม่มีเขตใดในสวิตเซอร์แลนด์ที่ไม่มุ่งไปในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งของการท่อง เที่ยว รูปแบบแบ่งย่อยพื้นฐาน ประกอบด้วย รีสอร์ทบนภูเขา ที่สามารถจัดกิจกรรมปีนเขาได้ในฤดูร้อนและสกีในฤดูหนาว และรีสอร์ทติดทะเลสาบจำนวนมากที่สามารถจัดกีฬาทางน้ำได้ เมืองของสวิสจำนวนมากส่วนหนึ่งเป็นรีสอร์ท และยังมีอีกพื้นที่ชนบทอีกจำนวนนับไม่ถ้วน เช่นในภูเขาจูรา ที่เสนอรูปแบบการท่องเที่ยวที่มีความน่าตื่นเต้นน้อยลง
แหล่งท่องเที่ยวส่วนใหญ่นำเสนอหรือจัดงานสำคัญและกิจกรรม เมืองใหญ่หลายเมืองเป็นทั้งเมืองทะเลสาบ แหล่งชุมนุม และเป็นพิพิธภัณฑ์ไปพร้อมๆ กับการเป็นสถานที่พบปะทางธุรกิจ การส่งเสริมให้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ให้เป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยว ถือเป็นความรับผิดชอบหลักของการท่องเที่ยวแห่งสวิตเซอร์แลนด์ ปัจจุบัน สวิตเซอร์แลนด์เผชิญกับการแข่งขันมากขึ้นจากจุดหมายปลายทางอื่น ในขณะที่รายจ่ายจากภาครัฐในการส่งเสริมด้านนี้ยังคงอยู่ในระดับปานกลาง การท่องเที่ยวแห่งสวิตเซอร์แลนด์กำลังพยายามดึงตลาด เช่น อินเดียและจีน ซึ่งมีจำนวนประชากรร่ำรวยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


เมืองน่าเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์

          ลักษณะภูมิประเทศที่มีความหลากหลายและมีระดับความสู้ที่แตกต่างกันอย่างมากช่วยทำให้การเดินทางมาเยือนสวิตเซอร์แลนด์เป็นประสบการณ์ที่สุดแสนคุ้มค่าโดยไม่จำกัดว่าเป็นช่วงเวลาใดหรือที่ไหน เพราะว่าในฤดูใบไม้ผลิตที่สวิตเซอร์แลนด์ตะวันออกและบริเวณที่ราบลุ่มนั้นนักท่องเที่ยวจะได้พบกับความเขียวชอุ่มของทุ่งหญ้าและสวนดอกไม้ ที่พากันออกดอกบานสะพรั่งครั้นถึงฤดูร้อน นักท่องเที่ยวก็จะได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติที่แตกต่าง ออกไปจากบริเวณชายฝั่งทะเลสาบที่มีอยู่มากมายทั่วประเทศ


เบิร์น Bern
เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์เป็นเมืองโบราณเก่าแก่และโรแมนติก การเดินเที่ยวชม ความงดงามของ สถาปัตยกรรมในเขตเมืองเก่า เป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด เมื่อมีโอกาสได้มาเยือนนครแห่งนี้ Bern สร้างขึ้นเมื่อ 800 ปีที่แล้วโดยมีแม่น้ำ Aare ล้อมรอบตัวเมือง แม่น้ำแห่งนี้เปรียบเหมือนปราการธรรมชาติซึ่ง ป้องกันเมืองไว้ทั้ง สามด้านสำหรับด้านที่สี่ชาว เมืองได้สร้างกำแพงและสะพานข้ามที่สามารถชักขึ้นลงได้ และโดยการรักษาผังเมืองให้มีสภาพดังเดิมตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา Bernจึงได้รับการ ประกาศ ให้เป็นมรดก โลกของ UNESCO ซึ่งเป็นเมืองเดียวในประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ การเดินชมเมือง ควรเริ่มจาก Rose Garden เพียง 5 นาทีก็จะพบกับบ่อเลี้ยง หมีของเมือง ( หมี เป็น สัญลักษณ์ของ Bern )
                                                            
สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ


หอนาฬิกา Zytgloggeturm หรือ Zeitglockenturm
หอนาฬิกานี้ใข้เป็นประตูเมืองแห่งแรก ของกรุงเบิร์น ในช่วงปี ค.ศ. 1191 ถึง 1256และเมื่อม ีการสร้าง Prison Tower ขึ้น จึงได้เปลี่ยน ไปใข้ Prison Tower เป็นประตูเมืองแทน ในสมัยก่อนนั้นตึกนี้ไม่ได้เป็นนาฬิกาอย่างทุกวันนี้ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1530 จึงได้มีการติดตั้งนาฬิกาดาราศาสตร์

                               
                                 
               
Munster St. Vinzenz
โบสถ์นี้ตั้งอยู่ระหว่างถนน Munstergasse และถนน Herrengasse ซึ่งจากถนน Krammgasse ก็ให้เดินเลี้ยวขวาไปก็จะเจอโบสถ์นี้ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเขตเมืองเก่า โบสถ์นี้เป็นโบสถ์ประจำเมืองของ กรุงเบิร์น ซึ่งถือว่าเป็นโบสถ์ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดขอสวิสเซอร์แลนด์โบสถ์มีลักษณะเป็นศิลปะ แบบโกธิคยุคกลาง ได้เริ่มมีการก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 ซึ่งการดำเนินการสร้าง โบสถ์แห่งนี้กินเวลายามนามไปจนถึงปี ค.ศ. 1573 เวลาประมาณ 150 ปีที่ใช้ไปนั้น สร้างได้เพียงแค่ตัวโบสถ์ ซึ่งมีความสูงประมาณ 64 เมตรเท่านั้น ต่อมาใน ปี 1889-1893 ก็ได้มีการต่อเติมสร้างส่วนที่เป็นหอ คอยขึ้นจามีความสูงทั้งสิ้น 100 เมตร ถ้าใครมีเวลาหรือมีแรงมากพอทีจะขึ้นบันไดวนเพียงแค่ 285 ขั้น ก็สามารถเดินขึ้นไปบนยอดหอคอยเพื่อชม ทัศนีภาพของกรุงเบิร์นได้ ซึ่งเค้าว่ากันว่าสำหรับวัน ที่ฟ้าใส มากๆ จะสามารถ มองเห็นบอดเขา Eiger, Mönch และ Jungfrau จากหอคอยของโบสถ์นี้เลยทีเดียว


อินเตอร์ลาเก้น Interlaken
"สวยเหมือนเมืองในฝัน" คือคำจำกัดความของ Interlaken ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Thun และ Brienz สถานที่ตากอากาศชั้นนำส่วนใหญ่ในถิ่นที่เรียกกันว่า Bernese Oberland ตั้งอยู่ตามเชิงเขา Eiger, Monch และ Jungfrau ทิวทัศน์แถบนี้บริสุทธิ์และสวยงามเกินคำบรรยาย จึงเป็นสถานตากอากาศที่นักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกชื่นชอบมากที่สุด

                               
                                 
               
Jungfraujoch หลังคาแห่งยุโรป
หลังคาแห่งยุโรป ล่าสุดได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของ Unesco เมื่อเดือนธันวาคม 2544 สถานีรถไฟสูงที่สุดในยุโรปที่ไม่สามารถลืมไปได้ ในการทัศนาจรภูเขา ซึ่งมีความสูงถึง 3454 เมตร พบกับสิ่งสวยงามที่นี่คือ วังน้ำแข็ง และทัศนียภาพ ที่งดงามประกอบ ไปด้วย Sphinxหอคอยชมทัศนียภาพ ที่อยู่เหนือ ธารน้ำแข็ง Aletsch ( ยาวที่สุดในเทือกเขา Alps ) และยอดเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ของประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมกันนี้ยังจะเดินเล่นบนหิมะ นั่งกระดานเลื่อนโดยมีสุนัข Huskyลากสนามเล่นสกี สโนว์บอร์ท สำหรับฤดูร้อนหรือ ท่านที่ชอบการท้าทาย ก็มีการผจญภัยอีกหลายอย่าง รับรอง 100% ท่านจะพบกับ หิมะ และน้ำแข็งที่นี่

                               
                                 
ทะเลสาบ Thun
ล่องเรือในทะเลสาบและชมปราสาทโบราณ ล่องเรือในทะเลสาบ Thun และ Brienz ในวงล้อมของภูเขาสูง แวะชมปราสาท Thun ที่สร้างขึ้นใน ศตวรรษที่ 12 และพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่จัดแสดงในห้องโถงใหญ่ของปราสาท เปิดให้ชมระหว่างเดือนมีนาคม ถึง เดือนตุลาคม Spiezชมปราสาท โบราณที่เปิดรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ถึงกลางเดือนตุลาคม ค่าโดยสารเรือฟรีโดยใช้สวิสพาสส์

                                             

พิพิธภัณฑ์โอลิมปิค (Olympic Museum)
ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับกีฬา โอลิมปิค ตั้งแต่สมัยโบราณ จนถึงปัจจุบัน และเป็นสำนักงานกรรมการโอลิมปิคสากล


                               
                                 
     

          
Luzern
ลูเซิร์นเป็นเมืองหนึ่งในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ มีประชากร 57,890 คน ตั้งอยู่แนวชายฝั่งทะเลสาบ ลูเซิร์น นเทือกเขาปิลาตุสและริจของเทือกเขาแอลป์ฝั่งสวิส สิ่งที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองและ มีชื่อเสียงมากคือชาปเพลบริดจ์(Chapel Bridge) เป็นสะพานไม้ที่สร้างสมัยศตวรรษที่14 ราวปี1290 ลูเซิร์นมีขนาดประชากรที่สมส่วนราว 3000 คน ทีปกครองโดยกษัตริย์รูดอล์ฟที่1 ลูเซิร์นเป็น เมืองที่นาฬิกาโรเล็กซ์ขายดีที่สุด รองลงมาคือมีดพก (Swiss Army Knives) Water Tower และ Chapel Bridge เป็นสัญลักษณ์ของเมือง Lucerne ที่นักท่องเที่ยวจำได้ทันทีที่เห็น สร้างมานานกว่า 650 ปีแล้ว ตัวเมืองเก่าเริ่มจากฝั่งแม่น้ำ Reussมีสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจ หลายแห่ง เมือง Luzern จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวเกือบตลอดปี

                           
ภูเขา Titlis และ Pilatu
ภูเขา Titlis และ Pilatus เป็นภูเขาที่มีความชันที่สุดในโลก มีภัตตาคารอยู่บนยอดเขาที่สามารถชมทิวทัศน์โดยรอบได้ ใช้สวิสพาสส์ล่องเรือชมทิวทัศน์ไปในทะเลสาบ Luzern จนถึงเมือง Vitznau สามารถต่อรถไฟขึ้นไปเที่ยวภูเขา Rigi(ความสูง 1798เมตรเหนือระดับน้ำทะเล) ภูเขา Stanserhorn เดินทางโดยรถรอกกว้านสมัยเก่าและรถกระเช้ารุ่นใหม่ล่าสุด (Aerial Cable Car) เพื่อชมทิวทัศน์และรับประทานอาหาร

                               
               
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์
โบสถ์ ที่นี่คือเคยเป็นโบสถ์ฟรานซิสแก้นเก่าแก่ศตวรรษที่14 ที่เป็นที่เก็บรวบรวมศิลปะบาเซิลยุคกลาง รวมทั้งผลงานศิลปะสมัยศตวรรษที่ 15ระติมากรรมรูปปั้นแกะสลักที่มีชื่อเสียงที่สุดอยู่ในพิพิธภัณฑ์สไตล์โกธิคแห่งนี้

                               
                                 
               





เว็ปไซต์อ้างอิง
  • http://www.dek-d.com/content/studyabroad/28770/
  • http://www.htmithailand.com/th/about-htmi/switzerland
  • http://vacationzone.co.th://www.cenacolovinciano.it/html/eng/smgrazie.htm
  • http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น