วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

รายงานวิชาศิลปะวัฒนธรรมตะวันตกเพื่อการนำเที่ยว


ประเทศอิตาลี



ธงชาติอิตาลี

อิตาลี เป็นดินแดนแห่งวัฒนธรรม และอารยธรรมมากว่าศตวรรษ เป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ในอดีตกาล ที่ครอบคลุมตลอดอาณานิคม ดินแดนแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โรม มิลาน เวนิสฟลอเรนซ์ เช่นเดียวกับเมืองน้อยใหญ่อื่นๆที่สวยงาม


ประเทศ : อิตาลี (อังกฤษ:ltaly ; อิตาลี:ltalia)

ชื่ออย่างเป็นทางการ : สาธารณรัฐอิตาลี (อังกฤษ:Italian Republic ; อิตาลี:Repubblica italiana)

ธงชาติ
ธงประจำชาติ

ธงประจำชาติอิตาลีมีชื่อว่า ลา บันดิเอร่า ตริโคโลเร่ (La Bandiera Tricolore) มีแถบสีเขียว ขาว และแดง เริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2340 ธงชาติอิตาลีคล้ายกับธงชาติฝรั่งเศส แต่มีแถบเขียวแทนสีน้ำเงิน สีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติและสิทธิมนุษยชน คือความเท่าเทียมกันและมีอิสระ




วันชาติ : วันชาติของประเทศอิตาลีตรงกับวันที่ 25 เมษายนของทุกปี

ภาษา : ภาษาอิตาลี เป็นภาษาราชการ

ที่ตั้งประเทศอิตาลี
ที่ตั้ง ภูมิประเทศ

ประเทศอิตาลี ตั้งอยู่บนคาบสมุทรอิตาลี ถูกล้อมรอบด้วยทะเลในทุกๆด้าน ยกเว้นด้านเหนือ เพราะอาณาเขตทางทิศเหนือติดต่อกับประเทศฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์และออสเตรีย โดยมีเทือกเขาแอลป์กั้นแบ่ง เทือกเขาที่สำคัญอีกแห่งคือเทือกเขาแอเพนไนน์ พาดผ่านตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ มีแม่น้ำที่ยาวที่สุดในอิตาลีคือแม่น้ำโป (Po) และแม่น้ำไทเบอร์ที่ไหลผ่านกรุงโรม ทางตอนเหนือของอิตาลีมีทะเลสาบที่มีขนาดใหญ่มากมาย เช่น ทะเลสาบการ์ดา โกโม มัจโจเรและทะเลสาบอีเซโอ เนื่องจากประเทศอิตาลีถูกล้อมรอบด้วยทะเล ดังนั้น จึงมีชายฝั่งทะเลยาวหลายพันกิโลเมตร ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาที่นี่ นอกจากนี้ประเทศอิตาลียังมีทะเลสาบปล่องภูเขาไฟ มากเป็นอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย




อาณาเขตติดต่อ
  • ทิศเหนือ ติดต่อกับมหาสมุทรอาร์กติก มีทะเลต่างๆ คือ ทะเลแบเรนต์ส ทะลคารา และทะเลขาว
  • ทิศตะวันออก ติดต่อกับทวีปเอเซีย เป็นผืนแผ่นดินเดียวกัน แนวแบ่งเขตทวีปทั้งสองอย่างคร่าวๆ ถือตามแนวของเทือกเขาอูรัล แม่น้ำอูราล ทะเลแคสเปียน ทะเลดำ และเทือกเขาคอเคซัส การแบ่งเช่นนี้ทำให้มี 2 ประเทศที่มีดินแดนตั้งอยู่ในทวีปยุโรปและทวีปเอเซีย คือ รัสเซีย และตุรกี
  • ทิศใต้ ติดต่อกับทะเลแคสเปียน เทือกเขาคอเคซัส ทะเลดำ ทะเลมาร์มะรา และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
  • ทิศตะวันตก ติดต่อกับมหาสมุทรแอตแลนติก มีทะเลต่างๆ คือ ทะเลนอร์วิเจียน ทะเลเหนือ ทะเลไอริส และทะเลบอลติก

เงินตราของอิตาลี
เงินตรา

อิตาลีใช้เงินสกุลยูโร (EUR) โดย 1 ยูโรมีค่าประมาณ 40 บาทไทย (ค่าเงินขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันนั้น) ชนิดของธนบัตรมีตั้งแต่ 5, 10, 20, 50, 100, 200 และ 500 ยูโรส่วนเหรียญ ประกอบด้วย 1, 2, 5, 10, 20, 50 เซนต์ ได้แก่ Master Card, บัตรเครดิตอเมริกันเอ็กซ์เพรส, นักชิมคลับเป็นต้น




เทศกาลคาร์นิวัล
เทศกาลสำคัญ

  •  เทศกาลคาร์นิวัลที่เมืองเวียเรจจีโอ แคว้นทัสกานี เทศกาลคาร์นิวัล จัดในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ จัดตามเมืองต่างๆ แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดอยู่ที่เมืองเวนิส แคว้นเวเนโต มีลักษณะของงานคือเน้นการแต่งการแฟนซีและสวมหน้ากาก
  • เทศกาลทางศาสนา เช่น เทศกาลอีสเตอร์ ประกอบด้วยการเดินขบวนกู๊ดฟรายเดย์หรือเรียกว่าวันอาทิตย์อีสเตอร์ จัดขึ้นในช่วงรอยต่อระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน ภายในเทศกาลจะมีการเฉลิมฉลอง พระ   สันตะปาปาจะมีกระแสรับสั่งถึงคริสตศาสนิกชนในวันอาทิตย์อีสเตอร์ ซึ่งจัดขึ้นที่นครรัฐวาติกัน
  • เทศกาลศิลปะและดนตรี (อิตาลี: Maggio Musicale Fiorentino) จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ที่เมืองฟลอเรนซ์ แคว้นทัสกานี
  • เทศกาลโอเปร่า ที่เมืองเวโรนา แคว้นเวเนโต
  • เทศกาลลดราคาสินค้าประจำปี จัดขึ้นทั่วประเทศในช่วงเดือนกรกฎาคม และเดือนต่อมาก็จะเป็นช่วงแห่งการพักร้อน ร้านค้าและกิจการในเมืองจะปิด และผู้คนจะไปพักร้อนตามทะเล
  • เทศกาลฉลองฤดูกาลเก็บเกี่ยวองุ่นที่ใช้ทำไวน์
  • เทศกาลภาพยนตร์ จัดที่เมืองฟลอเรนซ์ ในเดือนพฤศจิกายน
  • พิธีมิสซา (ศีลมหาสนิท) ตามโบสถ์ต่างๆ และในคืนวันที่ 24 ธันวาคม สมเด็จพระสันตะปาปาจะเสด็จออกจากบนพระระเบียงมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ นครรัฐวาติกัน

อาหารการกิน

สามารถแบ่งตามประเภทของอาหารในแต่ละมื้อได้ดังนี้

อารหารประเทศอิตาลี 

  • อาหารว่างและของกินเล่นระหว่างมื้อ ที่เป็นที่รู้จักดีคือพิซซา โดยพิซซาในอิตาลีจะเป็นแผ่นแป้งอบทาซอสมะเขือเทศ แต่งหน้าด้วยเนื้อสัตว์ มะเขือเทศ หรือเห็ด เน้นที่ชีสยืดเหนียวด้านบน
  • อาหารเรียกน้ำย่อยหรืออันตีปัสโต (Antipasto) ถ้าเป็นเมืองตามชายฝั่งทะเลจะเน้นอาหารทะเลสด ส่วนทางตอนในจะเป็นไส้กรอกหรือแฮม กินกับผักสดและผักชุบแป้งทอด มิฉะนั้นจะเป็นขนมปัง กระเทียมหรือซุปต่าง ๆ นอกจากนั้น อาหารเรียกน้ำย่อยยังรวมไปถึงพาสตานานาชนิดและข้าวแบบอิตาลีที่เรียกว่ารีซอตโต
  • อาหารจานหลัก ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อสัตว์ล้วนที่ปรุงด้วยวิธีการต่าง ๆ กินคู่กับผักและมันฝรั่ง ถ้าเป็นเมืองชายฝั่งทะเลจะเน้นเนื้อปลา ถ้าเป็นทางตอนเหนือจะเน้นเนื้อวัวและเนื้อแกะ
  • ของหวาน ของหวานที่พบบ่อย ได้แก่ ไอศกรีมที่กินกับผลไม้สด ปันนากอตตา และซาบาลโยเน

เมืองที่สนใจมากที่สุด "กรุงโรม"

สาเหตุที่เลือก "กรุงโรม"


เพราเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีวัฒนธรรมและประวัติที่ยาวนาน อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามเป็นจำนวนมาก และกรุงโรมยังนับได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองหลวงทางด้านแฟชั่นของโลกอีกด้วย

ที่มาของชื่อ


เรื่องราวของที่มาของชื่อ โรมา นั้น มีข้อสันนิษฐานอยู่มากมาย ข้อสันนิษฐานที่สำคัญได้แก่
  • มาจาก Rommylos (โรมูลุส) บุตรของอัสกานีอุส และเป็นผู้ก่อตั้งเมือง
  • มาจาก Rumon หรือ Rumen ชื่อในสมัยโบราณของแม่น้ำไทเบอร์ มีรากศัพท์เดียวกับคำว่า έω (rhèo) ในภาษากรีก และคำว่า ruo ในภาษาละติน ทั้งสองคำหมายถึง "กระแสน้ำไหล"
  • มาจากคำว่า ruma ในภาษาอีทรัสแคน มีรากศัพท์มาจากคำว่า *rum - หมายถึง "หัวนม" ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจอ้างอิงถึงหมาป่าที่เลี้ยงดูและให้นมสองพี่น้องแฝด โรมูลุสและเรมุส หรืออาจอ้างอิงถึงรูปร่างของเนินเขา Palatine และ Aventine
  • มาจากคำว่า ώμη (rhòme) ในภาษากรีก หมายถึง ความแข็งแกร่ง

ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ ของกรุงโรม

เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซีโอและประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ในเขตตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2.5 ล้านคน ถ้ารวมเมืองโดยรอบจะมีประมาณ 4.3 ล้านคน โดยมีจำนวนประชากรใกล้เคียงกับมิลานและเนเปิลส์

นอกจากนี้ โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกอีกด้วย หลังสิ้นสุดยุคกลาง โรมได้อยู่ภายใต้การปกครองของพระสันตะปาปา เช่น สมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 6 และสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 10 ผู้ซึ่งสร้างสรรค์ให้โรมกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลีเช่นเดียวกับฟลอเรนซ์ ซึ่งในยุคสมัยดังกล่าว ได้มีการก่อสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แบบที่เห็นในปัจจุบัน และไมเคิลแองเจโลได้วาดภาพปูนเปียกประดับภายในวัดน้อยซิสตีน ศิลปินและสถาปนิกที่มีชื่อเสียงอย่างบรามันเต แบร์นินี และราฟาเอล ซึ่งพำนักอยู่ในโรมเป็นครั้งคราว ได้มีส่วนช่วยสรางสรรค์สถาปัตยกรรมแบบสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาและแบบบารอกในโรมด้วยเช่นกัน

สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจใน



กรุงโรมยามค่ำคื่น
กรุงโรม (Rome)

เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นลาซิโอและประเทศอิตาลี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ในเขตตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2.5ล้านคน ถ้ารวมเมืองโดยรอบจะมีประมาณ 4.3 ล้านคน โดยมีจำนวนประชากรใกล้เคียงกับมิลานและเนเปิลส์ โรมมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,800 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาทั้งเจ็ดริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ตอนกลางของประเทศ โดยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรในอดีตมากมาย เช่น ราชอาณาจักรโรมัน สาธารณรัฐโรมัน และจักรวรรดิโรมัน โรมเคยเป็นเมืองที่มีบทบาทมากที่สุดของอารยธรรมตะวันตก และในอดีตได้เป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันได้เป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลีตั้งแต่ ค.ศ. 1870 นอกจากนี้ โรมยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นดินแดนที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาธอลิกอีกด้วย


สถานที่ท่องเที่ยวในโรม


สนามกีฬาโคลอสเซียม
โคลอสเซียม (Colloseum)

เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้น ในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาณาจักรโรมันและสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิติตัส

ในคริสตศตวรรษที่ 1หรือประมาณปี ค.ศ.80อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทราย วัดโดยรอบได้ประมาณ 527เมตร สูง 57เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000คนมีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรีเพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬาและมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่างๆในปัจจุบัน ในบางครั้งจะมีการเรียกชื่อ โคลิเซียม (Coliseum โดยในวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น1ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่


วาติกันในยามค่ำคืน

พระราชวังวาติกัน (Vatican Palace)

ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นศูนย์กลางการปกครองของศาสนาคริสต์เเละยังเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสันตปาปาประมุขฝ่ายศาสนาคริสต์ เป็นพระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลกใช้ประกอบพิธีกรรม ทางศาสนาต่างๆเป็นงานสถาปัตยกรรมที่งดงามลวดลายวิจิตรด้วยฝีมือศิลปินชาวอิตาลีหลายคนหลายยุคสมัยกว้าง 289 ฟุต ยาว 486 ฟุต สูง 354 ฟุต มียอดปราสาทมากถึง 135 ยอด เเละห้องต่างๆมากถึงสี่พันห้องนับเป็นงานก่อสร้างที่งดงาม ภายในจะมีจุดสนใจของผู้ที่มาท่องเที่ยวก็คือ  รูปภาพ ปิเอต้า(Pieta) สร้างสรรค์โดย ไมเคิลแองเจโล่ เป็นศิลปะ สมัยยุดเรนาชองต์ ประดิษฐาน ขึ้นที่ มหาวิหารวิหารเซ็นต์ ปีเตอร์ในศตวรรษที่ 18 โดยเป็นภาพของพระแม่มารีย์ ทรงโอบอุ้มพระเยซูก่อนที่ท่านจะสิ้นใจนอกจากนั้นยังมีศิลปะหลายแขนง ให้เลือกชมมากมาย


น้ำพุเทรวี่
น้ำพุเทรวี่ (Trevi Fountain)

เป็นน้ำพุที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ชื่อ เทรวี่นั้นมาจากคำว่าตรีวิอุมหมายถึงพบกันของถนนสามสาย เป็นอนุสรณ์สไตล์บารอค ออกแบบและก่อสร้างโดย นิโคลา ซาลวี่ ซึ่งองค์สมเด็จสันตะปาปา ครีเมนต์ที่ 12ได้มอบหมายให้สร้างขึ้นในปี 1732 การก่อสร้างดำเนินเรื่อยมาจนกระทั่งภายหลังการสิ้นพระชนม์สมเด็จสันตะปาปาที่ เออร์บัน ที่ 8 ได้หยุดชะงักลง และดำเนินการสร้างต่อมาจนแล้วเสร็จในปี 1762 รวม ใช้เวลาทั้งสิ้น 30ปี ทางระบายน้ำ เวอร์โก้ บริเวณลานด้านหน้านั้นก่อสร้างมากว่า 2000ปี ครั้งสมัยโรมโบราณซึ่งปกครองโดยจักรพรรดิออกัสตัส ซึ่ง ตรงเวลา 19 ปี ก่อนคริสตศักราช รูปปั้นแกะสลักที่เลิศหรูอลังการที่อวดโฉมให้ผู้ไปเยือนได้ยลนั้นได้แนวคิดจากความยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าเนปจูน เทพแห่งท้องทะเลว่ากันว่า หากใครที่ได้โยนเหรียญลงไปในน้ำ เขาหรือเธอผู้นั้นจะได้กลับมาเยือนอีกในสักวัน

บันไดสเปน

บันไดสเปน (Piazza di spagna )

หนึ่งในจุดที่สวยในกรุงโรมบ่ายๆ ผู้คนจะมานั่งพักผ่อนพบปะกันเต็ม ย่านชอปปิ้งที่หรูหราที่สุดของเมือง มีซอยเล็ก ซอยน้อย ที่ท่านจะได้เดินเที่ยวชมและช้อปปิ้งเพลิดเพลิน













แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง



เวนิสตอนค่ำ
เมืองเวนิส (Venice)

เวนิส เป็นเมืองหลวงของแคว้นเวเนโต ประเทศอิตาลี มีประชากร 271,663 คน เมืองเวนิสได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก เมืองแห่งสายน้ำ เมืองแห่งสะพาน และ เมืองแห่งแสงสว่างเมืองเวนิส ถูกสร้างขึ้นจากการเชื่อมเกาะเล็กๆ จำนวนมากเข้าด้วยกันในบริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริก ในภาคเหนือของประเทศอิตาลี ทะเลสาบน้ำเค็มนี้ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งระหว่างปากแม่น้ำโปกับแม่น้ำพลาวิ มีผู้อยู่อาศัยโดยประมาณ 272,000 คน ซึ่งนับรวมหมดทั้งเวนิส โดยมี 62,000 คนในบริเวณเมืองเก่า 176,000 คนในเทอร์ราเฟอร์มา) และ 31,000 คนในเกาะอื่นๆ ในทะเลสาบ



เวนิซ
เวนิซเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการกล่าวขานว่าโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เมืองที่ใช้เรือแทนรถ ใช้คลองแทนถนน

มีเกาะเล็กใหญ่กว่า 118 เกาะ และมีสะพานเชื่อมมากกว่า 400 แห่ง เดินทางสู่ เกาะซานมาร์โค ศูนย์กลางของนครเวนิซ ผ่านชม สะพานถอนหายใจ ที่เชื่อมต่อระหว่าง “Doge Palace” ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของเจ้าผู้ครองนครเวนิซในอดีต อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการปกครองแคว้นในยุคสมัยนั้นอีกด้วย






เรือกอนโดล่า
ล่องเรือกอนโดล่า


(ใช้เวลาประมาณ 30 นาที) เพื่อชมมนต์เสน่ห์แห่งนครเวนิซ สู่ คลองใหญ่ Grand Canal คลองที่กว้างที่สุดของเกาะ และงานก่อสร้างที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นอัจฉริยะด้านสถาปัตยกรรม ที่ สะพานเรียลอัลโต้ (ศิลปินเอกไมเคิลแองเจโล) ได้เวลานัดหมายนำคณะลงเรือเดินทางกลับสู่ฝั่งที่ ท่าเรือตรอนเชโต้








หอเอนปิซ่า
หอเอนปิซา (Pisa Leaning Tower)

หอเอนปิซา ตั้งอยู่ที่เมืองปิชา ประเทศอิตาลี ซึ่งสร้างด้วยหินอ่อน สูง 181 ฟุต มี 8 ชั้น โดยเริ่มสร้างเมื่อ ค.ศ. 1174 เสร็จเมื่อปี ค.ศ.1350 ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 176 ปี  สำหรับหอเอนปิชานี้ ภายในมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายด้วยฝีมือจิตรกรชื่อดังแห่งยุคที่สลักลวดลายไว้สวยงามมาก ส่วนสาเหตุที่เอียงนั้นเกิดขึ้นหลังจากเมื่อสร้างเสร้จแล้ว ฐานได้ทรุดไปข้างหนึ่ง เมื่อวัดดูปรากฏว่าเอียงออกจากแนวดิ่งของฐานถึง 14 ฟุต แต่ก็ยังไม่ล้ม ยังคงเอียงอยู่เช่นทุกวันนี้  ที่หอเอนปิซาแห่งนี้เป็นที่ที่กาลิเลโอขึ้นไปทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับแรงดึงดูดของโลก


ของที่ระลีก
  • ของที่ระลึกตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น พวงกุญแจ ที่ทับกระดาษ ผ้ากันเปื้อน ฯลฯ แต่ของเหล่านี้ ส่วนมากจะ made in china 

พวงกุญแจ
  • อิตาลีเป็นอีกประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องทองคำ ด้วยการออกแบบที่เก๋ ทันสมัย บวกกับปริมาณทองคำ 75 % จึงทำให้มีรูปแบบ รูปทรงต่างออกไปจากบ้านเรา แนะนำว่าร้านขายทองตามเมืองใหญ่ๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวอย่างโรม เวนิส ราคาจะแพงกว่าร้านค้าในเมืองเล็กๆ ราคาทองคำที่นี่จะขึ้นอยู่กับเจ้าของร้านเป็นผู้กำหนด
  • เครื่องหนัง คุณสามารถเลือกซื้อเครื่องหนังคุณภาพดี made in italy ได้จากตลาดนัด หรือร้านรวงตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า เข็มขัด เป็นสินค้าที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเป็นของฝาก สินค้าแบรนด์เนม GUCCI, PRADA, DOLCE & GABBANA, FENDI, GIORGIO ARMANI, VERSACE, BULGARI และแบรนด์อื่นๆ อีกมากมาย ส่วนแหล่งช้อบตามเมืองต่างๆ ได้แก่ Via dei Condotti(แถวบันไดสเปน),Via Montenapoleone fashion (มิลาน) หรือจะเป็นตาม outlet เช่น The Mall (ฟลอเร้นซ์), outlet ในเครือ fashion district, Serravalle designer outlet ในเครือ McArthurglen (outlet ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป)
  • กรุงโรมนับได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองหลวงทางด้านแฟชั่นของโลก และเต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Armani, Versace และ Ferre แต่ก็ยังมีร้านค้าอีกมากมายที่จำหน่ายสินค้าในราคาย่อมเยาเช่นกัน และคุณยังสามารถหาซื้อของที่ระลึกกับพ่อค้าแม่ค้าริมทางในกรุงโรมได้เช่นกัน จริงๆแล้วการช้อปปิ้งในห้างสรรพสินค้าอาจไม่ได้รับความน่าสนใจเท่ากับการเข้าห้องเสื้อสวยๆ บรรดาสินค้าต่างๆ จะแยกปิดร้านเฉพาะขายสินค้าของตัวเอง ทั้งยังทำการตกแต่งร้านอย่างสวยงาม มอบเวลาส่วนตัวให้ลูกค้าได้พิจารณากับสินค้ากันอย่างถึงที่สุด ดังนั้นแหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนมแฟชั่นสำคัญของโรม จึงไปรวมตัวกันที่บริเวณบันไดสเปน(Piazzz di spagna)  บริเวณนี้เต็มไปด้วยบูทิคแฟชั่นแบรนด์ดังสัญชาติอิตาลี ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ อยู่ในละแวกเดียวกัน เช่น พราด้า, วาเลนติโน, กุชชี่,เฟนดิ,บูการี,อาร์มานี่ ฯลฯ ดังนั้นจึงทำให้การเดินทางมาที่นี่เป็นการช้อปปิ้งที่สร้างความเพลิดเพลินได้ตลอดวัน

บทสรุป

           เป็นเหมือนดั่งคำกล่าวสมัยโบราณ ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรม เนื่องมาจากมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายที่เมืองนี้ไม่ว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรม หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ไม่เพียงแต่อนุสรณ์โบราณ, ซากปรักหักพัง หรือสถาปัตยกรรมโบราณต่าง ๆ ที่น่าสนใจ แต่ยังรวมไปถึงบ้านเรือนต่างๆ ท้องถนน และหอคอยต่างๆ เช่นกัน


บรรณานุกรม

  • http://xn--m3c6awvij.net/rome/

  • http://uddee.multiply.com/journal/item/776/776
  • http://www.educatepark.com/italy/general-information.php
  • http://www.qetour.com/travel-guide/italy-travel-guide.php
  • http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5
  • http://www.sprachcaffe-thai.com/study_abroad/language_schools/rome/about.htm
  • http://travel.thaiza.com/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5+%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%A1/82193/
  • http://www.educatepark.com/italy/general-information.php

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น